ตำนานบั้งไฟพญานาค

ตำนานบั้งไฟพญานาค

ตำนานบั้งไฟพญานาค

      ตำนานบั้งไฟพญานาค เรื่องราวของบั้งไฟพญานาคนั้นเป็นเรื่องราวที่ยังคงมีความเชื่อมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีความเชื่อกันอยู่ซึ่งในทุกๆปีนี้ผู้คนจากทั่วทุกจังหวัดต่างๆก็จะพากันหลั่งไหลเดินทางไปที่จังหวัดหนองคายเพื่อไปดูบั้งไฟพญานาคซึ่งเราจะเห็นเป็นประจำทุกปีโดยจะเกิดขึ้นที่บริเวณริมแม่น้ำโขงหลายคนเคยพยายามลองพิสูจน์แล้วว่าแท้ที่จริงแล้ว

ลูกไฟที่เรามองเห็นว่าถูกพ่นออกมาจากน้ำขึ้นไปบนฟ้านั้นเป็นฝีมือของมนุษย์หรือไม่แต่ไม่เคยมีใครสามารถพิสูจน์ได้เลยว่าเป็นการกระทำของมนุษย์โดยเราจะเห็นบั้งไฟพญานาคหรือลูกไฟพญานาคนั้นเกิดขึ้นทุกวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 โดยจะเกิดขึ้นทุกปีและจะมีรูปไฟเป็นจำนวนมากในแต่ละปีนิทานชาวบ้านในเขตจังหวัดหนองคายนั้น

ต่างก็เชื่อกันว่าลูกไฟที่ขึ้นมาจากน้ำนั้นเป็นการที่พญานาคนั้นพ่นรูปไฟขึ้นมาเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโดยมีตำนานเกี่ยวกับเรื่องของลูกไฟพญานาคหรือบั้งไฟพญานาคนี้ว่าในสมัยโบราณนั้นที่บริเวณแม่น้ำโขงนั้นมีสัตว์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าพญานาคซึ่งแต่เดิมนั้นพญานาคมีนิสัยดุร้ายแต่เมื่อพระพุทธเจ้านั้นรู้เรื่องราวของพญานาคจึงได้เดินทางมาโปรดสัตว์ด้วยการสั่งสอนพระธรรมเทศนาทำให้พญานาคนั้นเข้าใจในรสพระธรรมและต้องการที่จะออกบวชเป็นพระสงฆ์เหมือนกับพระพุทธเจ้าแต่อย่างไรก็ตามพญานาคนั้นไม่สามารถที่จะบวชได้

เนื่องจากว่าพญานาคนั้นแท้ที่จริงก็คือสัตว์ชนิดหนึ่งดังนั้นตามกฎของการบวชเป็นพระสงฆ์แล้วอาจจะไม่สามารถบวชได้พระพุทธเจ้าจึงได้ทำได้เพียงแค่บวชให้เป็นนาคได้เพียงเท่านั้นซึ่งพระญานาคเองก็ได้แสดงตนเป็นพุทธมามกะโดยจะคอยเฝ้าติดตาม ปฏิบัติธรรมตามที่พระพุทธเจ้าได้มีการสั่งสอนซึ่งในทุกๆปีนั้นพระพุทธเจ้ามีกิจที่จะต้องขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อที่จะไปเทศนาพระธรรมให้กับพระมารดาที่อยู่บนสรวงสวรรค์ได้ฟังโดยทุกครั้งที่ขึ้นไปนั้นก็จะขึ้นไปเป็นระยะเวลานาน

และเมื่อพระพุทธเจ้าต้องเสด็จลงมาที่โลกมนุษย์เราเทวดาทั้งหลายก็จะมีการสร้างบันไดซึ่งเป็นบันไดแก้วบันไดเงินแล้วก็บันไดทองเพื่อให้พระพุทธเจ้านั้นเดินลงมายังโลกมนุษย์ได้โดยทุกปีที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จกลับลงมาที่โลกมนุษย์นั้นก็จะตรงกับวันออกพรรษาซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11

ซึ่งวันดังกล่าวนั้นประชาชนที่เป็นคนในโลกมนุษย์จะพากันทำบุญตักบาตร ส่วนทางด้านพญานาคนั้นก็จะมาพ่นไฟที่ริมแม่น้ำโขง เพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่พระพุทธเจ้านั้นได้เสด็จลงมาจากสวรรค์แล้วนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย  sexybaccarat